สืบเนื่องจากข่าวหน้า ๗ ในมติชนรายวัน (๑๓ เมษายน ๒๕๕๙) ให้ข้อมูลว่า หลวงแม่ธัมมนันทาเป็นสิกขมานามา ๒ ปี เป็นภิกษุณีมา ๑๐ พรรษา สามารถให้การอุปสมบทภิกษุณีได้เองแล้วนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ท่านจึงให้ข้อมูลปรากฏในมติชนรายวัน (หน้า ๗) วันที่ ๑๕ เมษายน ๕๙ ดังนี้
เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ภิกษุณีธัมมนันทา (ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) เจ้าสำนักวัตรทรงธรรมกัลยาณี จ.นครปฐม เปิดเผยว่า กรณีมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับภิกษุณีในเรื่องการขออุปสมบทในไทยนั้น ชี้แจงว่าภิกษุณีที่จะเป็นอาจารย์เตรียมการบวชให้ผู้ขอบวชภิกษุณี จะต้องมีอายุพรรษาอย่างต่ำ ๑๒ พรรษา คือต้องเป็นภิกษุณีแล้วอย่างน้อย ๑๒ ปี ไม่นับรวม ๒ ปีที่เป็นสามเณรี และต้องได้รับการแต่งตั้งจากภิกษุสงฆ์ให้เป็นปวัตตินี หากไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นปวัตตินี และมาสั่งสอนผู้ขอบวชจะต้องอาบัติ ทั้งนี้ เรามักเข้าใจว่าภิกษุณีจะต้องได้รับการอุปสมบทโดยภิกษุณีสงฆ์แล้ว จึงรับการอุปสมบทอีกครั้งจากพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจคลาดเคลื่อน แท้จริงแล้วภิกษุณีสงฆ์เข้ามาช่วยเตรียมความพร้อมในการอุปสมบทของผู้ขอบวช ตรงนี้เรียกว่า สอนซ้อม เป็นการจำลองการบวชจริงเหมือนพิธีซ้อมใหญ่ อาจารย์ทางฝ่ายภิกษุณีสงฆ์จึงไม่เรียกอุปัชฌาย์ ทางตรงกันข้ามภาษาบาลีเรียกปวัตตินี แต่พิธีอุปสมบทซึ่งเป็นสังฆกรรมนั้นสำเร็จที่พระภิกษุสงฆ์ เว้นแต่ไม่มีภิกษุสงฆ์สายเถรวาทเหลืออยู่ในโลกนี้แล้ว ภิกษุณีสงฆ์อาจจะพิจารณาอุปสมบทกันเองก็เป็นได้ หากทำความเข้าใจว่าพระพุทธองค์ให้ดูที่เจตนาของการกระทำเป็นสำคัญ
"ฉะนั้น แม้หลวงแม่จะมีพรรษา ๑๓ ก็ให้อุปสมบทเองไม่ได้ ทำได้เพียงเตรียมลูกศิษย์เพื่อเข้ารับการอุปสมบท ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เป็นปวัตตินี สอนซ้อมการอุปสมบทให้แก่ผู้ขอบวชชาวไทย ๓ รูป ส่วนการอุปสมบทกระทำโดยภิกษุสงฆ์ของศรีลังกา อย่างไรก็ตาม หากมีการอุปสมบทในประเทศไทย ยังต้องนิมนต์พระภิกษุสงฆ์จากต่างประเทศ ซึ่งทำได้ทันทีโดยพระธรรมวินัย และพระภิกษุสงฆ์ในสายเถรวาทที่พร้อมอุปสมบทแก่ภิกษุณีก็มีอยู่ ส่วนขั้นตอนการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ต่างชาติสายเถรวาทเข้ามาทำการอุปสมบทในไทยนั้น จะได้รับอนุญาตจากกระทรวงต่างประเทศหรือไม่ เป็นปัญหาทางกฎหมายที่ฝ่ายบ้านเมืองต้องเข้ามาพิจารณาแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์ทางสังคม" ภิกษุณีธัมมนันทากล่าว