ตอบ
ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่มีความตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรม มีความตั้งใจที่จะเข้ามาสู่ภายใต้ร่มกาสาวพัตร โดยมีพระธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสูงสุด แต่ไคร่ขอหยิบยกเพื่อให้ระลึกถึงตอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงปฏิเสธต่อพระนางมหาประชาบดีถึง 3 ครั้ง ที่จะย่อมให้มีการอุปสมบทสตรี
แม้ครั้งที่ 1 แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3 ก็ยังไม่เป็นผลแต่ประการใด จะกล่าวให้ถูกต้องแล้ว พระพุทธองค์ได้ทรงปฏิเสธไว้ถึง 6 ครั้ง กล่าวคือหลังจากพระนางมหาประชาบดีได้รับการปฏิเสธแล้ว พระนางมีความเสียพระทัยอย่างมาก และได้ไปขอร้องให้พระอานนท์ทรงได้นำเรียนขออนุญาตพระพุทธเจ้าอีก พระพุทธองค์ก็ยังทรงปฏิเสธพระอานนท์อีก แม้ครั้งที่ 1 ,2 แม้ครั้ง ที่ 3 แต่เป็นความจริงอยู่เองที่การบรรลุธรรมมิได้จำกัดอยู่ที่ความเป็นหญิงหรือชาย แม้วรรณใดก็ตาม หากผู้ใดได้เพียรปฏิบัติธรรมแล้ว ผู้นั้นย่อมบรรลุถึงความรู้แจ้งได้ ขณะนั้นพระนางมหาประชาบดีมีความเสียพระทัย พระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร อันเนื่องมาจากพระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตให้สตรีออกจากเรือนบวช และพระนางก็ได้ปลงพระเกสา พระวรกายก็เกลื่อกกลั้วด้วยธุลี พระบาททั้งสองพอง มีความทุกข์ และเสียพระทัยหนัก พระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ยังผลให้พระอานนต์ต้องเข้าไปขออนุญาตต่อพระพุทธเจ้าอีกถึง 3 ครั้ง พระพุทธองค์ก็ยังมิทรงอนุญาต แต่ด้วยเห็นแก่ที่พระนางมหาประชาบดี ทรงเป็นผู้มีอุปการะมากต่อพระพุทธองค์ คือเป็นพระมารดาเลี้ยง เมื่อพระอานนท์ขออีกครั้งจึงยอมอนุญาต โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องยอมรับครุธรรม 8 ประการตลอดชีวิต พระอานนท์ได้กลับไปแจ้งต่อพระนางมหาประชาบดี และพระนางก็ได้ยอมรับทันที
เมื่อนั้น พระพุทธองค์จึงได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ ดังนี้
"ดูกรอานนท์ ก็ถ้าสตรีจักไม่ได้ออกเรือนบวชเป็นบรรพชิตในพระธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จักตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจะพึงตั้งอยู่ตลอดพันปี ก็เพราะสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว บัดนี้พรหมจรรย์จัดไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง 500 ปีเท่านั้น ดูกรอานนท์ สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ไม่ตั้งอยู่ได้นาน เปรียบเหมือนตระกูลที่มีหญิงมากมีชายน้อย ตระกูลนั้นถูกพวกโจรลักทรัพย์กำจัดได้ง่ายประการหนึ่ง
เปรียบเหมือนหนอนขยอกที่ลงในนาข้าวสาลีที่สมบูรณ์ นาข้าวสารีนั้นไม่ตั้งอยู่นานอีกประการหนึ่ง
เปรียบเหมือนเพลี้ยที่ลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นไม่ตั้งอยู่ได้นาน ดูกรอานนท์ บุรุษกั้นทำนบแห่งสระใหญ่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้น้ำไหลไป แม้ฉันใด เราบัญญัติครุธรรม 8 ประการแก่ภิกษุณีเพื่อไม่ให้ภิกษุณีละเมิดตลอดชีวิตฉันนั้นเหมือนกัน"
พระพุทธองค์ท่านทรงเห็นว่า มิมีข้อห้ามแต่ประการใดในการบรรลุธรรมอันพึงมีของผู้ปฏิบัติ แม้วรรณใด แม้เพศใด หรือแม้เพศฆารวาสก็ตาม ไม่มีข้อจำกัดใดทางการปฏิบัติจิตที่จะมีต่อการเข้าถึงพระธรรม แต่มีความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้คือ ด้านสรีระ และสรีระของสตรีนี้เป็นอันตรายต่อเพศบรรพชิต ด้วยเหตุนี้กระมังที่พระพุทธองค์ต้องปฏิเสธถึง 6 ครั้ง แม้ยอมแล้วก็ตาม แต่พระองค์ก็ยังคงต้องตั้งใจไว้ที่อุเบกขาเช่นกันแม้ว่าสัทธรรมของพระองค์จะมีอายุลดลงเหลือเพียงกึ่งหนึ่งก็ตาม
***ขอได้โปรดไต่ตรอง
พระภิกษุสงฆ์เปรียบเสมือนแสงเทียนสีเหลืองที่องค์พระศาสดาได้ทรงจุดไว้ และได้จุดต่อเนื่องกันมาไม่รู้ดับแม้เพียงสักครั้งเดียว ส่วนภิกษุณีก็เป็นแสงเทียนที่พระพุทธเจ้าทรงจุด และได้เคยสว่างเช่นกันไม่ว่าจะเปรียบได้กับสีอะไรก็ตาม แต่ต้องแยกกันอยู่ อันเนื่องมาจากความเป็นหญิงชาย และแสงแห่งภิกษุณีได้เกิดเหตุดับลงขาดผู้สืบทอด
มิไช่เพราะตามที่ถูกกล่าวหาด้วยเหตุผลใดๆก็ตามอันเนื่องจากความไม่รู้ ว่าทำไมปัจจุบันถึงไม่ยอมบวชภิกษุณีในนิกายเถรวาทซึ่งถือเป็นนิกายที่รักษาพระธรรมวินัยที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด แต่เป็นเพราะใครล่ะจะเป็นผู้ที่จะอาจเอื้อมและตัดสิน โดยสถาปนาตนเองเป็นพระศาสดาเสียเองอีกครั้งหนึ่งในการจะจุดเทียนเล่มนี้ขึ้นมาใหม่แทนพระพุทธองค์ ไม่ว่าจะด้วยอำนาจใดๆทางโลกก็ตาม หรือการเรียกร้องสิทธิขนาดใหนก็ตาม หรือแม้หลงคิดว่าตนนี่แหละจะเป็นผู้จุดประกายนี้ขึ้นมาเอง แต่แสงที่จะถูกจุดขึ้นมาใหม่นี้ แม้จะทำแต่งทำให้สีเหมื่อนดวงประทีปที่พระองค์จุดไว้เมื่อกว่า 2500 ปีที่แล้วเพียงไดก็ตาม ก็หาใช่เป็นดวงเดียวกันไม่
ดังนั้นจะเห็นว่ามิไช่เป็นเรื่องของการไม่ยอมรับ หรือไม่ไช่เป็นเรื่องของการกีดกันกันแต่ประการใด อะไรจะเกิดก็สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะพิศดารหรือเลิศหรูเพียงใดในโลกใบนี้ แต่พุทธบริษัทจะสามารถมองและแยกแยะด้วยสายตาแห่งอุเบกขาได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมา ก็เป็นปรากฏการณ์หนึ่งในโลกใบนี้เท่านั้น แต่จะไช่ของจริงหรือไม่นั้นย่อมอยู่ในใจของพุทธะทุกคน
อนึ่ง การที่ภิกษุณีได้ขาดหายไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับชาวพุทธทุกคนอยู่ แต่ด้วยความเป็นพุทธะและรู้ถึงความเป็นไปแห่งโลกธรรม เรารู้ดีว่า แม้พระภิกษุเองก็ตามที่ อีกเพียงไม่ถึง 2500 ปีข้างหน้า ก็จะสาปสูญหายไปจากโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ขออนุโมธนากับการประพฤติธรรม เพื่อจะได้สละกิเลสคือความเห็นแก่ตัวออกไป ดับความเป็นตัวตนให้ได้ มีแต่ตัวกาย จิตทำหน้าที่ไป หากกุศลถึงพร้อมแล้ว แม้เพศฆารวาสก็ย่อมบรรลุธรรมได้
ขอให้โชคดี โดยคุณ : อิทธพงศ์ -
[ 11 เม.ย. 2003 , 17:48:20 น.]
|