นมัสการท่านอาจารย์ครับ
ผมชื่อต้นครับ เรียนสอบถามเพื่อเป็นวิทยาทาน แก่ผมนะครับ ผมขอเรียนสอบถามดังนี้ ท่านมีความคิดเห็นยังไงกับลัทธิที่เรียกกันว่าโยเร ครับ
พุทธศาสนาเป็นกล่าวหรือเปล่าว่า จะมีสาวกของพระศรีอารยเมตไตรย์โพธิสตว์มาบังเกิดเพื่ออบรมมนุษย์ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของท่านครับ
รบกวนตอบคำถามผมใน e-mail ได้ไหมครับ
นมัสการด้วยความเคารพ
[email protected]

ผมไม่ใช่ท่านภิกษุรีธัมมานันทา แต่ขอตอบแทนละกัน
ลัทธิโยเร ชื่อเต็ม คือ เซไคคิวเซเกียว แปลว่า มูลนิธิเพื่อช่วยเหลือโลก ลัทธฺนี้ก็คล้ายๆกับการอ้างเอาพระศรีอาริยเมตไตรย เหมือนลัทธิประหลาดๆที่อ้างศาสนาพุทธทั่วไป
ลัทธินี้ มักมีพิธีกรรม ที่เรียกว่า พิธีโยเร เป็นการที่ผุ้มอบโยเร ยื่นมือไปข้างหน้าของผู้รับ เขาถือว่า เป็นการส่งแสงสว่างของพระศรีอาริย์ ไปยังผู้รับ
ซึ่งเป็นพิธีกรรามไร้สาระ ไร้แก่นสาร แต่ลัทธินี้ก็มีคนไปนับถือได้เหมือนกัน ในประเทสไทย ดูจะมีราวๆ เป็นแสนคนนะครับ สำนักใหญ่อยู่ที่ราชบุรี
ลัทธนี้ ดุจะไม่ใช่พระพุทธศาสนา ความจริงแล้ว เวลาลัทธินี้จะไปเผยแพร่ตามที่ต่างๆ ก็จะอ้างพรเจ้า หรือผู้สูงสุดในศาสนาของบุคคลนั้นๆ หรือกลุ่มคนในที่นั้นๆ
เช่น ไปเผยแพร่กับชาวญี่ปุ่น ก็จะอ้างถึงแสงแห่งพระอามาเตระสุ โอมิกามิ พระสุริยเทวีของชินโต
เวลาไปเผยแพร่กับชาวคริสต์ ก็จะอ้างถึง แสงแห่งพระเมซิอา
พอมาถึงชาวพุทธ ก็บอกว่า แสงของพระศรีอาริย์
ยิ่งกว่านั้น ตัวของผุ้ก่อตั้งลัทธิ คือนายโอกาดะ โมกิจิ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมซุซามะ ยังหมายถึง เมซิอา ของคริสต์ และพระศรีอาริยเมตไตรย์ (เมซุซามะ-เมชิย- เมตเตยยะ )
เป็นลัทธิไร้สาระลัทธิหนึ่ง ที่อ้างถึงความหวังบั้นปลาย ของคนเราเท่านั้นเอง ไม่สมควรแก่การที่จะสนใจ

ขอบคุณครับที่ทำให้กระจ่าง

สิ่งที่ทองไม่เห็นไม่ใช่ว่าไม่มีตัวตนคนเราไม่ได้หาความสามารถในส่วนนี้เลยไม่เข้าใจอย่าให้ใครมาคิดแทนคุณ คิดด้วยจิตวิญญาณตัวเองแล้วจะเข้าใจเอง

เชื่อว่าทั้งผู้ถามและผู้ตอบ เหมือนคนตาบอดคุยกัน

โยเรจงหมดไป สาธุ !

เกี่ยวกับ ลัทธิโยเร ผมเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาทั้งทางพุทธศาสนา และ โยเร การที่คุณ p.p_upasmo บอกว่า เป็นเรื่องไร้สาระนั้น คือคุณยังไม่ได้สัมผัส แล้วการที่คุณบอกว่า ไม่ใช่ พุทธศาสนา คุณต้องลองมองย้อนกลับไปที่ตัวคุณว่า คุณรักษาศีล 5 ได้หรือเปล่า คุณเคยช่วยใครโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนไหม คุณเคยนึกถึง บรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปหรือเปล่า ถ้าเปล่า คุณไม่ใช่ชาวพุทธ ผมจะอธิบายคราวๆ เกี่ยวกับโยเรให้ฟัง โยเร เป็นศาสนาพระศรีอาริย์ โดยผู้ที่รู้แจ้ง คือท่านเมชุซามะ(ชือ โมกิจิ โอกาดะ) เป็นชาวญี่ปุ่น ศาสนานี้ สอนให้ทำดี ละชั่ว สอนให้รักษาศีล 5 และการให้โยเร เป็นการปฏิบัติ พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา อยากช่วยเหลือผู้ที่มีความทุกข์ เมื่อรับแล้ว จะทำให้สบายใจ และสุขภาพแข็งแรง มีผู้มีประสบการณ์มากมาย ที่รับโยเรแล้ว ครอบครัวมีความสุขขึ้น เค้าสอนให้รู้จักเคารพผู้อื่น ทักทายกันด้วยคำว่า สวัสดี เมื่อเจอกัน เพราะถือว่า ไหว้พุทธธาตุธรรมในตัว คุณ p.p_upasmo เคยได้ยินคุณยายพูดไหม เวลาเราไว้ ท่านก็จะพูดว่า ไหว้พระเถอะหลานเอ่ย นั้นก็คือ ไหว้พุทธธาตุธรรม ในตัวผู้นั้นนั่นเอง รวมถึงโยเร สอนให้ดูแลเอาใจใส่ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษของเราอยู่เสมอ เคยเห็นคนจีนไหม เค้าดูแล พ่อแม่ หรือบรรพบุรุษดี เค้าก็ร่ำรวยมั่งคั่ง แต่คนส่วนใหญ่ จะลืมนึกถึงไป คิดว่า ตายไปแล้ว คงไปเกิดแล้ว ผมเคยบวชอุปสมบท สายธรรมยุทธ แล้วศึกษาการกลับชาติมาเกิด คุณ p.p_upasmo ครับ หลาย ร้อยชาตินะ คุณถึงจะมเกิดใหม่เพื่อสร้างสมกุศลได้ นอกจากโยเรแล้ว มูลนิธิยังมีเรื่องของ เกษตรธรรมชาติ เมื่อจิตใจดี ถ้าร่างกายได้รับผักผลไม้ที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีสารพิษตกค้าง ก็จะทำให้ สุขภาพแข็งแรง ก็จะทำให้ตัวเราสมบูรณ์ทั้ง ร่างกายและจิตใจ
สำหรับ ท่านที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องโยเร อย่าพึ่งสรุปว่า ดีไม่ดี ถ้าไม่ดี มูลนิธิแห่งนี้ คงไม่มีศาสนิก กว่า 4 แสนกว่าคนหรอกนะ ท่านทั้งหลาย มีคนบอก ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ไม่อร่อย เรายังไม่ได้ชิมเลย จะรู้ได้อยากไรว่า อร่อยหรือไม่อร่อย ต้องลอง ชิม ลองสัมผัสนะครับ ขอให้ทุกท่านจงมีความสุข

เห็นด้วยกับคุณ j คุณที่ไม่เคยเข้าไปสัมผัสกับโยเร แล้วเที่ยวพูดว่า ไม่ดี ศาสนาทุกศาสานาสอนให้คนเป็นคนดี คุณเคยเห็นสังคม หรือสมาคมไหน ที่เข้าไปแล้วสบายใจ ทุกคนให้การยอมรับ นอบน้อม ไห้ว ทักทายสวัสดี ภายใด้ คำว่า ทำให้ผู้อ่ืนมีความสุขแล้วเรามีความสุข และเกษตรธรรมชาติ EM นะ รู้จักไหม คิวเซเคียว ไม่สอนให้คนเห็นแก่ตัว สอนให้ช่วยคนทั้งโลก คุณนั่งหลับตาทำสมาธิ คุณได้ความสุขคนเดียว และเหมือนเอาก้อนหินทับบนหญ้า เมื่อออกจากสมาธิ ก็กลับเหมือนเดิม แต่การช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ ให้เขามีความสุข มีน้ำใจไมตรีต่อกัน จะเป็นการช่วยโลกให้มีความสุข
การจะตำหนิว่าใครดี ไม่ดี อะไรดี ไม่ดี ต้องศึกษาดูให้ท่องแท้เสียก่อน อย่าทำให้เสียชื่อว่าเป็นคนใจแคบ กูไม่ดูอะไร ของกูดีหมดคนเดียว